ทำไมธุรกิจ ถึงจำเป็นต้องมีแบรนด์?

คำถาม
: แบรนด์คืออะไร ทำไม่ต้องให้ความสำคัญ?

แบรนด์คืออะไร? แบรนด์หรือการสร้างตราสินค้าที่ถูกส่งไปทั่วโลกโดยคนทุกประเภทก็มีบริบทที่แตกต่างกันออกไปรวมถึงมีความหมายที่แตกต่างกันดังนั้นจึงอาจช่วยได้ในการเริ่มต้นบทสนทนาว่าแบรนด์คืออะไรกันแน่? คำตอบที่ง่ายที่สุด แบรนด์คือ สิ่งที่จะสามารถ ออกแบบ หรือ สร้าง ออกมาในรูปแบบสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ สิ่งนั้นๆ บ้างเป็นชื่อ บ้างเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงตัวตน ของสิ่งสิ่งนั้น เปรียบเสมือนการสื่อสารความเป็นตัวตนของสิ่งเหล่านั้น

การสร้างแบรนด์ คืออะไร? “หาก Coca-Cola ต้องสูญเสียทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการผลิตทั้งหมดในภัยพิบัติ บริษัท ก็จะอยู่รอดได้ ในทางกลับกันหากผู้บริโภคทุกคนลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับCoca-Cola บริษัท ก็จะปิดกิจการโดยสมบูรณ์” (ผู้บริหาร Coca-Cola)

หากแบรนด์เป็นผลมาจากการเชื่อมโยงและการรับรู้ในจิตใจของผู้คน การสร้างแบรนด์ก็คือความพยายามที่จะสร้างอิทธิพลและควบคุมความสัมพันธ์เหล่านี้เพื่อช่วยให้ธุรกิจทำงานได้ดีขึ้น องค์กรต่างๆ ได้รับประโยชน์มหาศาลจากการสร้างแบรนด์ที่นำเสนอถึงความโดดเด่น น่าเชื่อถือหรือคุณลักษณะใดก็ตามที่เหมาะสมกับธุรกิจนั้นๆ

เหตุผลที่ว่า..ทำไมต้องมีแบรนด์?

การสร้างแบรนด์สามารถช่วยให้คุณโดดเด่นกว่าคู่แข่ง มีความเป็นเอกลักษณ์ สามารถสร้างสินค้า หรือสื่อสิ่งที่เป็นคุณ ยกตัวอย่างแบรนด์ใหญ่ๆ ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ เช่น แมคโดนัลด์ ไนกี้ เป็นต้น ซึ่งแบรนด์เหล่านี้ เพียงแค่คุณเห็นแวบเดียว คุณก็สามารถนึกถึงทุกอย่างๆที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ ได้ในทันที

สร้างความแตกต่าง : การสร้างแบรนด์เป็นวิธีการเน้นอย่างชัดเจนว่าข้อเสนอของคุณแตกต่างจากอะไรและเป็นที่ต้องการมากกว่าของใคร ๆ การสร้างแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพจะยกระดับผลิตภัณฑ์หรือองค์กรจากการเป็นสินค้าเพียงชิ้นเดียวท่ามกลางสินค้าที่เหมือนกันจำนวนมากให้กลายเป็นสิ่งที่มีลักษณะเฉพาะและสามารถสร้างเสียงสะท้อนในใจของผู้บริโภคที่เลือกสินค้าและบริการโดยใช้การตัดสินทั้งทางอารมณ์และเชิงปฏิบัตินั้นเอง

ตัวอย่างเช่นแป้งตรางู (Snake Brand) ที่ผู้คนมากมายต่างเคยใช้แป้งในแต่ละยี่ห้อมานับไม่ถ้วน แต่ก็มีไม่กี่ยี่ห้อที่เราต่างคุ้นเคยกันดีกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งในปัจจุบันแป้งตรางูได้มีการคอลแลปส์กับดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่อย่าง Spun ที่เปลี่ยนเอกลักษณ์ต่างๆ ที่คุ้นเคยให้กลายเป็น ผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ เช่น เจลอาบน้ำกลิ่นแป้งตรางู สบู่อาบน้ำ สเปรย์ระงับกลิ่นกาย ซึ่งทำให้ผู้คนมากมายตารุกวาวกันเลยทีเดียว

การเพิ่มมูลค่า : โดยทั่วไปผู้คนมักเต็มใจที่จะจ่ายเงินให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีตราสินค้ามากกว่าที่จะจ่ายเพื่อสิ่งที่ไม่มีตราสินค้าเป็นส่วนใหญ่ และสามารถขยายแบรนด์ผ่านข้อเสนอมากมายได้เช่นกัน

ตัวอย่างเช่น Tesco เริ่มต้นจากการเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตและในปัจจุบันก็ขายสินค้าหลากหลายประเภทตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงประกันภัย แต่ยังใช้คุณลักษณะของแบรนด์เทสโก้ที่สอดคล้องกันเหมือนเดิม เช่นความสะดวกในการเข้าถึงและราคาที่ต่ำทำให้ธุรกิจสามารถก้าวไปสู่ภาคการตลาดใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเอกลักษณ์หลักของแบรนด์

สิ่งนี้เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด แต่ผู้บริโภคก็เห็นคุณค่าเพิ่มในบริการใหม่ด้วยความสัมพันธ์ที่มีอยู่กับแบรนด์เทสโก้ แน่นอนว่าสิ่งนี้สามารถทำงานในทางกลับกันได้เช่นกัน หากผู้บริโภคไม่ชอบแบรนด์เทสโก้ในพื้นที่ผลิตภัณฑ์เดียวพวกเขามีโอกาสน้อยที่จะเลือกข้อเสนอของ บริษัทฯ ในพื้นที่ผลิตภัณฑ์อื่น

การเชื่อมต่อกับผู้คน : การเชื่อมต่อกับผู้คน

ตัวอย่างเช่นการเปิดตัว iPod ของ Apple ทำให้ บริษัท เปลี่ยนจากธุรกิจคอมพิวเตอร์ไปสู่แบรนด์ความบันเทิงโดยการตลาดของ iPod ดึงความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับเพลงของผู้คนเป็นอย่างมาก

และได้เพิ่มการเข้าถึงใหม่เกี่ยวกับประสบการณ์ใหม่ๆทางด้านดนตรีและภาพยนตร์ Apple ได้กำหนดสิ่งที่ บริษัท ทำขึ้นใหม่และเปลี่ยนการเชื่อมโยงแบรนด์ไปสู่สิ่งที่เชื่อมโยงกับผู้คนจำนวนมากที่อยู่นอกคอมพิวเตอร์หรือในกลุ่มผู้คนทั่วไป หลังจากนั้นก็ดำเนินการเปลี่ยนแปลงต่อไปด้วยการเปิดตัว iPhone, iPad และ App Store ในการทำเช่นนี้แบรนด์ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้แบรนด์มีการเติบโตอย่างน่าเหลือเชื่อเลยครับผม