พ่อค้า - แม่ค้าออนไลน์จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้สามารถขอบัตรเครดิตและสินเชื่อได้

สิ่งสำคัญ : ธนาคารเพียงอยากรู้ว่า เรามีความสามารถในการชำระเงินคืนจริงหรือไม่ เพื่อลดความเสี่ยงจากหนี้เสีย

หนึ่งในอาชีพที่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในปัจจุบันนั้นคือพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ นอกจากจะเป็นอาชีพหลักเลี้ยงครอบครัวของใครหลายๆคนในปัจจุบันแล้ว ยังเป็นอาชีพที่นำพาเหล่าพ่อค้า แม่ค้าไปสู่การจัดตั้งบริษัท จากบุคคลไปสู่องค์กรแบบเต็มตัว แต่ในช่วงเริ่มต้นของอาชีพนี้นั้นไม่ได้เป็นที่ยอมรับโดยง่ายยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสินเชื่อต่างๆ และบัตรเครคิตเหมือนกับอาชีพอื่นๆ

อาจจะเพราะว่าอาชีพพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ยังเป็นอาชีพที่ถือว่ายังใหม่สำหรับธนาคาร การประเมินความเสี่ยงในการให้สินเชื่อจึงมีเงื่อนไขต่างๆมากมาย พลอยให้ผู้ที่เป็นพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ขอบัตรเครดิตยากไปด้วย ในบทความวันนี้ ผมจะมาแนะนำแนวทางการเตรียมตัวเพื่อขอบัตรเครดิต หรือสามารถเอาไปประยุกต์ในการขอสินเชื่ออื่นๆเลยก็ได้เช่นกัน

เนื้อหาของบทความนี้

1. พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์จะเตรียมตัวอย่างไรเพื่อที่จะสามารถขอบัตรเครดิตได้

2. ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง เวลาไปธนาคาร

3. จะเริ่มต้นติดต่อขอบัตรเครดิต จากธนาคารได้อย่างไร

4. จะเพิ่มวงเงินในบัตรได้อย่างไร

บทความนี้เป็นประสบการณ์ของทางผู้เขียนโดยตรงซึ่งในเริ่มต้นของการประกอบกิจการได้ประกอบกิจการเป็นผู้ค้าออนไลน์ธรรมดา และขอบัตรเครดิต

ขอให้บทความนี้เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกท่านขอรับ : )

1. พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์จะเตรียมตัวอย่างไรเพื่อที่จะสามารถขอบัตรเครดิตได้

อาจจะเรียกได้ว่าขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะทุกอย่างที่จะแนะนำให้ขั้นตอนนี้จะทำให้เรามีหลักฐานที่น่าเชื่อถือไปประกอบในการขอบัตรเครดิต หรือสินเชื่ออื่นๆได้เช่นกันในอนาคต

• จดทะเบียนการค้า : สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญหนึ่งที่จะบ่งบอกว่าเราประกอบธุรกิจจริงๆ หลายๆคนมองว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำยากต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญ แต่ความจริงแล้วสามารถทำได้ด้วยตัวเองไม่อยากอย่างที่คิด

• ยื่นเสียภาษีแบบบุคคลธรรมดา : บางคนอาจจะค้าขายและพยายามที่จะหลบภาษี แต่ผมขอแนะนำว่ายังไงแล้วหากจะขยายกิจการในอนาคตจริง ยังไงเราก็ไม่สามารถหลบหลีกมันได้ ในยื่นมันซะตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่ยังไม่ถึงฐานเสียภาษีก็ตาม เพราะสิ่งนี้จะเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุดในการเป็นเอกสารประกอบการขอบัตรเครดิต

• สร้างระบบบิลขึ้นมา : ปัจจุบันมี Sevice ที่จะออกบิลอัตโนมัติขึ้นมามากมาย หรือไม่ก็ใช้ระบบ Social Commerce สำเร็จรูปเช่น Page356 Sellsuki หรือไม่ก็ทำเว็บไซต์ของตัวเองเป็นระบบตะกร้าเวลาลูกค้าสั่งซื้อมาเราก็เพิ่มสินค้านั้นเข้าตะกร้าและออกบิลได้เช่นกัน (เช่นใช้ wordpress)

• เก็บข้อมูลลูกค้า : ทุกการขายให้เราเก็บข้อมูลลูกค้าเอาไว้ เช่นชื่อ ที่อยู่ลูกค้า เบอร์โทรลูกค้า ลูกค้าซ์้อยอดเท่าไหร่ ข้อมูลส่วนนี้จะเอาไปรองรับว่า ร้านค้าเรามีลูกค้าจริง และมีความมั่นคงหรือไม่

• เก็บเอกสาร COD และบิลส่งของเอาไว้ให้ดี : ทุกครั้งที่เราส่งของแบบ COD เราจะมีเอกสารเช่นธนาคารโอนเงินเข้ามาให้เรา หรือมีเอกสารที่ทางขนส่งบอกว่าโอนเงิน COD เข้ามาให้เราเท่าไหร่แต่ละวัน และทุกครั้งที่ส่งของให้เราเก็บบิลส่งของเอาไว้ และเก็บเอาไว้ในกล่องไม่ให้โดนอากาศภายนอกเพื่อป้องการไม่ให้มันจาง

• เก็บบิลซื้อของทุกอย่าง : สินค้าที่นำมาขายหากมีบิลให้เราเก็บบิลเอาไว้ หรือสินค้าใช้งานอื่นๆ เช่นซองไปรษณีย์พลาสติก ให้ซื้อจากร้านที่ออกบิลได้ สิ่งนี้จะทำให้เรามีหลักฐานไปยื่นว่าธุรกิจเรามีการรับเงิน จ่ายเงินจริงอยู่ตลอดเวลา (ร้านค้าผมจำหน่ายซองไปรษณีย์พลาสติกสามารถออกใบกำกับภาษีได้)

• ทำบัญชี : บัญชีที่ง่ายที่สุดคือรายรับและรายจ่าย

• สร้าง Website และ Facebook ร้านค้า : เพื่อเป็นเอกสารประกอบการขอบัตรเครดิต

2. ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง เวลาไปธนาคาร

Check Lists เอกสาร

1. Statement บัญชีเงินฝาก 6 เดือน - 1 ปี ทุกๆธนาคาร

2. เอกสารการจดทะเบียนการค้า

3. เอกสารการยื่นเสียภาษี

4. บิลการขายสินค้าย้อนหลัง 6 เดือน

5. บิลการซื้อสินค้าย้อนหลัง 6 เดือน

6. Lists รายชื่อสินค้า

7. เอกสารการรับเงินจาก COD

8. บัญชีรายรับ รายจ่าย ย้อนหลัง 6 เดือน

9. รูปภาพสินค้าทุกอย่างที่เราจำหน่าย

10. รูปภาพ Website และ Facebook ร้านค้า

3. จะเริ่มต้นติดต่อขอบัตรเครดิต จากธนาคารได้อย่างไร

เริ่มต้นให้เราลิสต์รายการธนาคารหรือบัตรเครดิตที่เราต้องการและจดเบอร์ธนาคารนั้นๆไว้ และเริ่มโทรไปและอธิบายว่าเราทำธุรกิจนั้นมาเป็นเวลา 1 ปีขึ้นไป มีความประสงค์ที่จะทำบัตรเครดิตและได้เตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้วขอนัดยื่นเอกสารได้หรือเปล่าและสอบถามข้อมูลว่าบัตรเครดิตใดบางที่บุคคลที่มีคุณสมบัติแบบเราพอจะสามารถสมัครได้บ้าง (ที่สำคัญพยายามบอกว่าเรามีใบประกอบการค้าและประกอบกิจการมาหลายมีพร้อมมีเอกสารครบ) เมื่อเราได้นัดแนะกับเจ้าหน้าที่สาขาและให้เราเตรียมเอกสารใส่ซองไปส่งเอกสาร ณ สาขานั้นๆ หรือบางจังหวัด สาขาจะทำการส่งแมสมารับเอกสารเราถึงบ้าน จากนั้นให้เราขอเบอร์ติดต่อพร้อมชื่อผู้ดำเนินเรื่องให้เรา พร้อมตั้งเวลา หากยังเงียบหลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ ให้โทรไปติดตามและสอบถามว่าทำไมถึงไม่ได้ และบอกให้เจ้าหน้าแนะนำว่าเราต้องเตรียมอะไรเพิ่มเติม

4. จะเพิ่มวงเงินอย่างไร

ในข้อนี้หลังจากที่เราได้บัตรมาแล้วให้เราพยายามใช้เงินทุกอย่างตัดบัตรและชำระให้ตรงทุกเดือนโดยไม่ติดหนี้บัตรเครดิตก็จะทำให้เมื่อเราใช้บัตรเครดิตนานๆไปก็จะโทรไปขอเพิ่มวงเงินได้