สินค้ารวม : 0 บาท ไปที่ตะกร้าสินค้า
โปรโมชั่น : ยอด 650 บาท ฟรีค่าจัดส่ง (ยกเว้นกล่อง)
"คุณเคยสงสัยกันไหม?" การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ต้องมากวิธี ขั้นตอนเยอะ ต่าง ๆ นานา แต่เชื่อเถอะครับว่า จริงๆแล้วทำได้ง่ายมาก ๆ เพียง 3 ขั้นตอนเท่านั้น ก็เป็นอันรู้ผล
ซึ่งในการดำเนินธุรกิจนั้น นอกเหนือจากการจดทะเบียนบริษัทแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ นั่นก็คือ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark) กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ แล้วทำไม? ผู้ประกอบการควรจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าล่ะ! นั่นก็เพราะว่า เครื่องหมายการค้าจะมีประโยชน์ทั้งทางธุรกิจและทางกฎหมายนั้นเอง ในส่วนของประโยชน์ทางธุรกิจ ผู้ประกอบการสามารถใช้เครื่องหมายการค้าเหล่านี้ในการจำแนกแยกแยะ รวมถึงการบ่งบอกถึงผู้บริโภคให้จดจำ เครื่องหมายการค้านี้ได้อย่างแม่นยำ
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการ SME และคนทั่วไปยังไม่ค่อยรู้คือ “เครื่องหมายการค้า” เป็นทรัพย์สินที่สามารถนำไปเป็นหลักประกันสินเชื่อธุรกิจกับสถาบันการเงินได้ ขณะที่ประโยชน์ในทางกฎหมาย ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้ว จะมีสิทธิ์ใช้เครื่องหมายการค้านั้นๆ ได้เพียงผู้เดียว กรณีที่ถูกผู้อื่นละเมิดสิทธิ์ ผู้ประกอบการสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ แต่ถ้าหากเราทำการขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ เราก็ต้องจดทะเบียนการค้ากับทางต่างประเทศแต่ละที่ด้วย เช่น ขยายฐานลูกค้าไปที่อเมริกา กับ ญี่ปุ่น ก็ต้องทำในทุกประเทศที่ขยายไป เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตราสินค้าของแบรนด์หรือธุรกิจคุณได้อย่างทั่วถึง
ซึ่งเป็น Website ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของลิขสิทธ์ตามกฎหมาย
ลองทำความเข้าใจกันดูนะครับผม
"เรามาดูข้อควรรู้และขั้นตอนกันก่อนที่จะเริ่มยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า" 8 ขั้นตอน ดังนี้
1. ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบเครื่องหมายการค้า เพื่อตรวจว่ามีความเหมือนหรือคล้ายคลึงกับผู้ประกอบการอื่นหรือไม่ด้วยตัวเอง
2. ยื่นคำขอจดทะเบียน
3. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้น
4. นายทะเบียนตรวจสอบเครื่องหมายการค้า
5. การประกาศโฆษณา
6. การคัดค้าน
7. ชำระค่าธรรมเนียม
8. กรมทรัพย์สินทางปัญญารับจดทะเบียนเครื่องหมาย
(โดยรวมขั้นตอนทั้งหมดจะใช้ระยะเวลาดำเนินการอยู่ที่ประมาณ 15 เดือนครับ)
"สรุปให้เลย" ผู้ที่ต้องการขอเครื่องหมายการค้า ต้องทำแค่ 3 ขั้นตอนเท่านั้น โดยมีรายละเอียดดังนี้ี้
1. การตรวจสอบเครื่องหมายการค้าด้วยตัวเอง
ในขั้นตอนแรกนี้การตรวจสอบเครื่องหมายการค้าด้วยตัวเอง จะเป็นการตรวจสอบเครื่องหมายการค้าของเราว่ามีคนกำลังจดทะเบียนอยู่หรือคล้ายคลึงมากน้อยเพียงใด โดยสามารถทำได้ 2 วิธี คือ ตรวจสอบที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ชั้น 3 โดยต้องชำระค่าธรรมเนียมในการตรวจค้น 100 บาทต่อชั่วโมง หรือ ผู้ประกอบการสามารถตรวจค้นผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยเข้าไปที่เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา
(ตรวจสอบเครื่องหมายการค้า) ซึ่งจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด
2. ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
ในส่วนของขั้นตอนนี้ คือ การยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า โดยผู้ประกอบการจะต้องเตรียมเอกสารตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมกับกรอกข้อมูลให้สมบูรณ์ สามารถยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ได้ที่ชั้น 3 กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือทางเว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา (ipthailand)
ซึ่งเอกสารที่ใช้สำหรับการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ประกอบไปด้วย
2.1 คำขอจดทะเบียน (แบบ ก.01) โดยจะต้องกรอกแบบฟอร์มดังกล่าวให้ครบถ้วน พร้อมติดรูปเครื่องหมายการค้าขนาดไม่เกิน 5 X 5 เซนติเมตร ต้นฉบับ 1 ชุด และถ่ายสำเนาอีกจำนวน 5 ชุด
2.2 รูปเครื่องหมายการค้า ที่เหมือนกับรูปที่ติดในคำขอจดทะเบียน จำนวน 5 รูป
2.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (กรณีเป็นบุคคลธรรมดา) หรือต้นฉบับหนังสือรับรองนิติบุคคลฉบับนายทะเบียนรับรองและออกให้ไม่เกิน 6 เดือน (กรณีเป็นนิติบุคคล) ทั้งนี้ ในกรณีการมอบอำนาจ จะต้องใช้หนังสือมอบอำนาจ (แบบ ก.18) พร้อมปิดอากรแสตมป์ 30 บาท ต่อผู้รับมอบอำนาจ 1 คน
3. ชำระค่าธรรมเนียม และ รอรับหนังสือสำคัญการจดทะเบียน
3.1 ในกรณีที่มีสินค้าและบริการตั้งแต่ 1 ถึง 5 อย่าง จะต้องชำระค่าธรรมเนียม อย่างละ 1,000 บาท
ถ้าสินค้าหรือบริการอยู่ในจำพวกเดียวกัน และ มีอยู่ 1 ถึง 5 อย่าง ต้องชำระค่าธรรมเนียม ตามจำนวนสินค้าที่จดทะเบียน เช่น
บริษัท ความงาม จำกัด ต้องการที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากับสินค้า 1.สบู่โสมสกัด 2.ครีมผิวใส 3.ครีมกันแดด 4.ลิปสติก จะต้องชำระค่าธรรมเนียม รวมทั้งหมด 4 อย่าง เป็นจำนวน 4,000 บาท
3.2 ในกรณีที่มีสินค้าและบริการอยู่ในจำพวกเดียวกัน ตั้งแต่ 5 อย่างขึ้นไปจะต้องชำระค่าธรรมเนียมแบบเหมาจ่าย
สินค้าหรือบริการที่อยู่ในจำพวกเดียวกัน (ประเภทของแต่ละจำพวก) ที่มีสินค้าหรือบริการ ตั้งแต่ 5 อย่างขึ้นไป จะต้องชำระค่าธรรมเนียมแบบเหมาจ่ายทั้งหมด 9,000 บาท เช่น
บริษัท อาหาร จำกัด ต้องการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากับสินค้า 1.ข้าวหอมมะลิ 2.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 3.ซอสมะเขือเทศ 4.ซอสมายองเนส 5.ทูน่ากระป๋อง 6. ขนมปัง จำนวนทั้งสิ้น 6 อย่าง รวมค่าธรรมเนียมแบบเหมาจ่าย 9,000 บาท
3.3 ในกรณีที่เครื่องหมายการค้ามีขอบด้านกว้างหรือด้านยาวเกินจากที่กำหนดไว้
ถ้าหากเครื่องหมายการค้าของสินค้าหรือบริการ ที่ท่านนำมามีขนาดของด้านกว้างหรือด้านยาวเกินกว่า 5 เซนติเมตร จะต้องชำระค่าธรรมเนียม เซนติเมตรละ 200 บาท
หลังจากยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบและพิจารณา หากเครื่องหมายการค้าของท่านได้รับการจดทะเบียน นายทะเบียนจะมีหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการดำเนินการชำระค่าธรรมเนียมรับจดทะเบียน ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง โดยต้องชำระค่าธรรมเนียมสินค้าหรือบริการเพิ่มเติมตามช่องทางเดียวกันกับตอนยื่นขอจดทะเบียนนั่นเอง
จากนั้นผู้ประกอบการจะได้รับหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียน โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะจัดส่งให้ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในคำขอจดทะเบียนภายใน 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่ได้ชำระค่าธรรมเนียม
เพียงเท่านี้ผู้ประกอบการจะเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะใช้เครื่องหมายการค้านั้นๆ กับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ และกรณีที่มีผู้มาละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้ ท่านสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีและเรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากบุคคลนั้นได้
เป็นอย่างไรกันบ้างครับผม ได้รับรู้ถึงวิธีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ถูกใจกันบ้างหรือเปล่า?
จะเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่แอดมินมานำเสนอบทความที่มีประโยชน์ รวมทั้งเทคนิคต่างๆ เพื่อใช้ในธุรกิจ และการทำงาน ที่สำคัญในสัปดาห์หน้าจะมีบทความเจ๋งๆอะไรมานำเสนอผู้อ่าน อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับผม
© 2022, Dearly Commerce Co., Ltd. All Rights Reserved